Skip to main content

การพัฒนาบุคลิกภาพกับความเป็นผู้นำ

การพัฒนาบุคลิกภาพ


โดย ดร.สรัสวดี  มุสิกบุตร (อ.ดร.อ้อม อาจารย์ประจำสถาบัน ฯ)
ครูอ้อมออกตัวว่าเป็นผู้ศรัทธาในการฝึกอบรม เพราะครูอ้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จากการฝึกอบรม
.


บุคลิกภาพสำคัญคือการฝึกฝน
บุคลิกภาพมีทั้งบุคลิกภาพภายในและภายนอก

บุคลิกภาพ Personality มาจาก Persona ภาษาละติน ที่แปลว่าหน้ากาก
"ให้หัดสวมหน้ากากแห่งความดี"

วิเคราะห์ตัวเอง ตัวเรามีข้ออยากพัฒนาเรื่องบุคลิกภาพเรื่องอะไร (กาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา)
- ความมั่นใจในพูดต่อหน้าชุมชน
- การแสดงอารมณ์
- การเคลื่อนไหว

การถือไมโครโฟน ถือในแนวดิ่ง อยู่ใต้คาง แขนแนวลำตัวสบาย ๆ


"ให้หัดสวมหน้ากากแห่งความดี"
ถ้าอยู่ในที่สาธารณะ ให้อมยิ้มไว้ วิธีการคือ คิดดี ๆ คิดถึงแต่เรื่องที่ดี ๆ เป็นบุคลิกภาพภายใน

ให้คิดว่าเราหล่อ และ สวยที่สุดในโลกใบนี้ ให้มีความมั่นใจในตัวเองที่จะแสดงออก
.

สิ่งสำคัญในกระบวนการพัฒนาตัวเอง

  1. เห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพ ต้องมีความต้องการในตนเอง เห็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
  2. เริ่มวิเคราะห์ตนเองว่าสิ่งที่ควรได้รับการพัฒนา เรียงลำดับความสำคัญ
  3. ศึกษาหาข้อมูลในการพัฒนาบุคลิกภาพในส่วนที่บกพร่อง
  4. เริ่มปรับปรุงแก้ไขด้วยวิธีฝึกปฏิบัติ เพราะบุคลิกภาพเป็นทักษะ
  5. เมื่อฝึกแล้ว ต้องมีการประเมินผล ว่าได้พัฒนาเรื่องที่ต้องการปรับปรุงแล้วหรือยัง มีอุปสรรคอะไรบ้าง

อิทธิพลที่มีต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ

มีผลมาจาก
  • พันธุกรรม
  • สิ่งแวดล้อม
  • การเลี้ยงดู

ความหมายของบุคลิกภาพ

หมายถึง รูปร่าง ท่าทาง ท่วงทีวาจา อุปนิสัย การแต่งการ ความคิดเห็น ตลอดจนอารณ์และบทบาทของบุคคลซึ่งปรากฏแก่สายตาของบุคคลอื่น

การพัฒนาบุคลิกภาพ มีจุดมุ่งหมายที่จะปรับปรุงบุคลิกภาพของบุคคล ให้เป็นที่พึงปราถนา และเหมาะสมกับสภาพสังคม (ปรับตามบริบท)

องค์ประกอบของบุคลิกภาพ
  • บุคลิกภาพทางกาย
  • บุคลิกภาพทางสังคม
  • บุคลิกภาพทางอารมณ์
  • บุคลิกภาพทางสติปัญญา
ภาษากาย (การปรากฎตัวของผู้บริหารต่อหน้าชุมชน)
  • การยืน  >>เริ่มโดยการยืนตรง (ปลายเท้าชีตรงไปที่12นาฬิกา) และชักเท้าอีกข้างไปด้านหลัง การยืนแบบบ่ายสองโมง และ10นาฬิกา 
    การวางมือ >>
    (1)มือประสานมือวางมือหน้าสะดือ
    (2)นำง่ามมือชนกัน
    (3)การประกบมือ คล้ายปรบมือ (เวลาจะถวายงาน) และ
    (4) กำมือและจับข้อมูลทิ้งแขนลง (คุยอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่)
    สำหรับเวลาที่ผู้ใหญ่นั่งอยู่แล้วเรียกไปคุย ให้ลงเข่าย่อลงไปกับพื้นแล้วคุย



  • การนั่ง การยืนสวยยืนหล่อเป็นที่มาของการนั่งสวยนั่งหล่อ วิธีการคืออยู่ในทางยืน บ่ายสอง แล้วนั่งลงไปพร้อมกับยกมือประสานวางบนตัก
    การนั่งโซฟา สามารถพักเท้าด้วยการใขว้ปลายเท้าไว้ด้านหลังได้
  • การเดิน การเดินต้องเดินอยู่บนเส้นตรง หน้ามองตรง
***กระดุมสูท ทางการ ต้องกลัดกระดุมเม็ดบน ปล่อยเม็ดล่าง
แบบอังกฤษ ถ้ามีกระดุมสามเม็ด ก็จะกลัดเม็ดกลางปล่อยเม็ดบนและเม็ดล่าง

การแต่งการ

สุภาพบุรุษ

  • เสื้อเชิ๊ต สีขาว ดูสุภาพ ภฺมิฐาน  (สีเข้มไม่ค่อยเหมาะ)
  • เสื้อสูท ต้องยาวปกแก้มก้น ความยาวของแขนความยาวของนิ้วโป่งขึ้นมา 1 เซ็น
  • ไท สีสุภาพ  ถ้ามีเข็มกลัดติดไท จะติดอยู่ระหว่างส่วนที่ 1 กับส่วนที่ 2 ตรงกับปากกระเป๋าเสื้อ
    ไท คือเครื่องประดับที่บอกถึงความเป็นตัวคุณได้มากที่สุด แสดงถึงความเป็นผู้ชาย และไทเป็นเครื่องประดับที่บอมรับจากสังคมทั่วโลก
    จะใส่ไทแดง เฉพาะตอนดีเบต เพราะแสดงถึงพลักอำนาจ ไม่ใส่พร่ำเพรื่อ
    การเก็บรักษา ให้ม้วนเก็บ
    ความยาวให้ปลายแต๊ะที่หัวเข็มขัด
  • กางเกง ความยาวอยู่ที่เส้นรองพื้นรองเท้า
  • ชุดชั้นใน
  • เสื้อพระราชทาน 
    การติดเข็มพระราชทาน ถ้ามีกระเป๋าเสื้อติดที่ปากกระเป๋า

สุภาพสตรี (ต้องสง่า ไม่เซ็กซี่)

  • ก้นใหญ่ อย่างใส่กระโปรงสีอ่อน / ผ้ามัน
  • แต่งกายให้เป็นหญิง
  • ควบคุมน้ำหนักให้ปกติ
  • ใส่เสื้อปิดเนื้อย้อยที่ศอก
  • เจ้าเนื้ออย่างใส่ผ้ายืดแนบตัว
  • ใส่กระโปรงคลุมเข่า แสดงถึงความสุภาพ
  • เลือกแบบเสื้อให้เหมาะสมกับรูปร่าง
  • เสื้อสูทหญิงยาวครึ่งก้น

การไหว้ 3 ระดับ

  • พระมหากษัติรย์ หรือไหว้พระ ปลายนิ้วชี้จรดไรผม
  • ไหว้พ่อแม่ครูบาร์อาจารย์ ปลายนิ้วจรดระหว่างคิ้ว
  • ไหว้คนระดับเดียวกัน ปลายนิ้วชี้จรดจมูก

มารยาทบนโต๊ะอาหาร

  • ตักมาแล้วต้องทานให้หมด 
  • แก้วน้ำบนโต๊ะอาหารอยู่บนขวามือเสมอ
  • จับมีดด้านขวา จับส้อมด้วยมือซ้าย ตัดสเต็กรับประทานทีละชิ้น
  • ซ้อนซูปตัดออกจากตัว ทานจากด้านข้าง
  • การวางผ้าเช็ดปาก วางที่ตัก
  • การลุกออกจากโต๊ะ แล้วยังจะกลับมา ให้วางไว้บนที่นั่งเก้าอี้ ผู้ร่วมงานจะดูเจ้าภาพเป็นหลัก
    (Sit dinner จริง ๆ จะไม่มีการลุกออกจากโต๊ะ จะมีการเสริฟจนครบมื้อ)
  • การพักมีดพักส้อม ต้องวางอยู่บนขอบจาน (ไม่วางพาดกระหว่างโต๊ะและจาน)
  • การจับแก้วก้าน = ให้จับที่ก้านแก้ว
  • การจับแก้ว(ถ้วย)กาแฟ = ไม่สอดนิ้ว ให้บีบหูแก้ว
  • การรวบช้อนส้อมเมื่อรับประทานเสร็จ = รวบที่ 6 นาฬิกา หรือ 5 นาฬิกาได้
  • การรับประทานอาหารโต๊ะจีน (ช้อนที่ลักษณะคล้ายช้อนซุป คือช้อนกลางส่วนตัวของเราเอง)
  • กรณีที่สตรีดื่มน้ำแล้วลิปติกติดบนปากแก้ว ให้ใช้นิ้วมือโป่งปาดออก
ครูอ้อมทิ้งท้ายไว้ว่า... 

"บุคลิกภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องฝึกเอง"


และก็จบการบรรยายเพียงเท่านี้ ให้พวกเราผู้เข้ารับการพัฒนาได้มีเวลาเดินทางกลับ

ใครอยากได้เอกสารเพื่อศึกษาเพิ่มเติม คลิกตรงนี้เลยจ้าาาา... อ.ดร.อ้อมใจดีให้ไฟล์ไปใช้เพื่อการศึกษาได้โดยไม่สงวนลิขสิทธิ์ (แต่ไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์นาจาาาา)

//ผู้เขียนบันทึกบล็อกนี้ระหว่างเรียน เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา ผิดพลาดประการใด หรือบางเนื้อหาบางส่วนไปพาดพิงใคร ต้องขออภัยด้วยนะคะ (น้อมรับทุกความคิดเห็นค่ะ) 🙏🙏🙏

Comments

Popular posts from this blog

ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ (Strategic Leadership)

ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ (Strategic Leadership) โดยดร.รังสรรค์ มณีเล็ก วิทยากรกล่าวทักทายผู้เข้ารับการพัฒนาอย่างเป็นกันเอง และเกริ่นว่าคุ้นหน้าคุ้นตากับผู้เข้ารับการพัฒนาหลายคน ขอบเขตที่จะศึกษาวันนี้ ความหมาย ความสำคัญ ลักษณะของผู้นำ พฤติกรรมของผู้นำ การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ วิทยากรกล่าวถึงการทำงานแบบ World Wild การลงทุนระหว่างประเทศ  เปรียบเทียบรายได้ระหว่าง Jordan 1 ปี(พรีเซ็นเตอร์ของไนกี้) กับ Labour 4หมื่นกว่าปี (คนงานผลิตรองเท้าในโรงงานไนกี้) ความหมาย ผู้บริหาร รักษาความมั่นคงและทำให้หน่วยงานดำเนินงานไปด้วยความราบรื่น ผู้นำ สร้างการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ภาวะผู้นำ ความสามารถที่ทำให้ผู้อื่นยอมรับการชี้นำที่ก่อให้เกิดความสำเร็จตามที่ต้องการ *ผู้นำที่ดี คือผู้ที่มีผู้อยากจะเดินตาม ลูกน้องอยากจะเดินตาม (คำพูดของท่านอนันต์ ปัญญารชุน) ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ มีนักวิชาการชาวต่างชาติให้ความหมายไว้ว่า คือ "ความสามารถของผู้นำที่จะโน้มน้าว จูงใจให้สมาชิกในองค์การเต็มใจที่จะมุ่งมั้นในการสร้างความสำเร็จตามวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่กำหนดไว้อย่างเต็มศัก...

การพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ ( EQ )

การพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ ( EQ ) . (ต้องออกตัวว่า บล็อกช่วงต้นในช่วงเช้า ผู้เขียนได้บันทึกไปด้วยในระหว่างเรียน จะได้เนื้อหาความรู้ที่สดใหม่ และเป็น wording จากคำสอนของอาจารย์เลย แต่เสียใจมากว่าบล๊อกมันหายไป T_T อาจเกิดจากการแก้ไขจากเครื่องมือถือของผู้เขียนเอง ตอนนั่งรถมาทำงานเมื่อเช้า T_T เป็นเหตุให้ต้องมานั่งทบทวนและเขียนใหม่ในวันนี้ ถือเป็นการทบทวน Restudy อีกครั้งละกันค่ะ) . บรรยายให้ความรู้โดยท่านอาจารย์สมพร  อินทร์แก้ว นักจิตวิทยาคลินิกเชี่ยวชาญ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข . อาจารย์เริ่มต้นด้วยการให้ความหมายของคำว่า EQ Emotinal Quotient ที่แปลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เชาวน์อารมณ์ อัจฉริยะทางอารมณ์  ความสามารถทางอารมณ์ วุฒิภาวะทางอารมณ์ ความฉลาดทางอารมณ์ . จริงๆ แล้วนั้นความฉลาดของคนเรามีหลายมิติด้วยกัน  ต่ามภาพเลยค่ะ... IQ: Intelligent Quotient >>เป็นเรื่องของระดับความฉลาดของสมอง (มาจากพันธุกรรม 80% อีก 20% เป็นสภาพแวดล้อมที่จะเติมเต็มไอคิวที่มาจากพันธุกรรม 100% เช่น พันธุกรรมไอคิวอยู่ที่ 120 เด็กที่เกิดมาแน่นอนจะมีไอคิวที่ 96 และจัดสิ่งแว...