Design Thinking การพัฒนาการคิดเชิงออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรม

Design Thinking 

การพัฒนาการคิดเชิงออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรม

โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ปณิตา วรรณพิรุณ

วิทยากรเริ่มด้วยการนำเสนอประเด็นสนทนา การคิดออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรม Design Thinking การพัฒนานวัตกรรม Innovation ...

และกล่าวว่าสำหรับผู้เข้ารับการพัฒนาเกี่ยวข้องกับสามนวัตกรรมดังนี้ "นวัตกรรมในการบริหาร นวัตกรรมในการทำงาน และนวัตกรรมในการให้บริการ" 

จากนั้นวิทยากรให้ชมคลิปวิดีโอ

การเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนที่ความคิด

What is ... Design Thinking

การคิดเชิงออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรม การคิดเชิงออกแบบ

• NEED การออกแบบกระบวนการคิด เพื่อพัฒนา นวัตกรรม ที่เกิดจากความต้องการของผู้ใช้ อย่างแท้จริง
• PROBLEM การคิดแก้ปัญหาที่สามารถนำไปสร้างสรรค์นวัตกรรม

เริ่มจากการเป็นคนช่างสังเกตุ มองหาความต้องการ มองหาปัญหา หาทางแก้ไข โดยการคิดเชิงออกแบบ

Design Thinking VS Creativity

การคิดเชิงออกแบบ ต่างจาก ความคิดสร้างสรรค์

การคิดเชิงออกแบบ คำนึงถึง 3 องค์ประกอบ

การแก้ปัญหา  ความคิดสร้างสรรค์ และคน

หรือ Human Centered Design คนเป็นศูนย์กลางการแก้ปัญหา

เน้น ทำความเข้าใจว่าคนต้องการอะไร แทนที่วิธีการเบบเดิมที่มักเริ่มต้นจาก ปัญหา

ผู้บริหารระดับต้น ใช้กำลังของตนเองในการทำงาน

ผู้บริหารระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นในการทำงาน

ผู้บริหารระดับสูง ใช้สติปัญญาของคนอื่นในการทำงาน

Design Thinking เป็นแนวคิดของ David Kelley วิศวกรเครื่องกลประเทศสหรัฐอเมริกา

(ข้อสังเกต ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต่าง ๆ ส่วนใหญ่มาจากวิศวกร เนื่องจากมีความคิดเชิงระบบ)

"Design is a verb, not a noun"

"Think Big Get Small Act Now"

องค์กรยุคใหม่ มีพื้นที่ส่วนกลาง และส่วนใหญ่เต็มไปด้วยกระจก ไม่มีการกั้นห้อง เพื่อเป็นการไปกีดกั้นแนวคิด ตามหลักจิตวิทยา
การสร้างวัฒนธรรมให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในที่ทำงาน (เปรียบเหมือนยกสภากาแฟมาไว้ในสำนักงาน) เป็นการเริ่มต้นของการเกิด "องค์กรแห่งนวัตกรรม" เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ "Knowledge Sharing" นำไปสู่การจัดการความรู้ "Knowledge Management" และจะนำไปสู่การเป็น องค์กรแห่งการเรียนรู้ในที่สุด "Learning Organization"

วิธีการคือ

• Radical collaboration  ทำงานเป็นทีม กลุ่มที่ดีจะมี 3-5คน ในทีมจะต้องมี ผู้นำ "Leader" (ไม่ใช่ Boss) เลขา และผู้ปฏิบัติงาน และขอให้เป็นทีมที่หลากหลาย หลากความสามารถ
• Real-world projects การคิดที่เกิดจากสถานการณ์ปัญหาที่พบเจอจริง (เอาใจเขามาใส่ใจเรา)
• Unbounded problems (Human Need) 
• Start early and Fail early เริ่มก่อนล้มก่อน (ทำตัวเหมือนตุ๊กตาล้มลุก) ลองผิดลองถูกจะทำให้เกิดนักนวัตกรรมได้ตลอดเวลา

(การขาย สามารถตั้งราคาแบบไม่จำกัดได้ ถ้าสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ที่สำคัญคือเรื่องเล่า (Story) หาจุดที่ลูกค้าต้องการให้พบ และสามารถตั้งราคาได้ไม่จำกัด)

จากนั้นวิทยากรก็ยกตัวอย่างผู้บริหารบริษัท องค์กรต่าง ๆ มากมายที่เป็นตัวอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนของการคิดเชิงออกแบบ เช่น Elon Musk พร้อมคำกล่าว ที่ว่า "I just say yes, and build on the Idea"

เกม Yes, and vs No and 

เป็นการฝึกการคิดต่อคำถามด้วยคำตอบเชิงบวก (yes) และเพิ่มเติม (and) หรือ
คำตอบเชิงปฏิเสธ (no) และต้องการเหตุผลซับพอร์ต (and)

Yes and (ใช่และอะไรดี จะได้ไอเดียที่มากมาย)
No and (ไม่และอะไรดี จะได้ไอเดียที่หลากหลาย)

เดิม Yes... But !
เปลี่ยนเป็น Yes... And !

Yes and ! Build an large pie

// ความคิดเห็นของผู้เขียนคือ ชอบพาร์ทนี้ที่สุด เปิดความคิดเลยทีเดียวกับการพูดว่า ใช่ และ... ไม่เบรกความคิดใคร คือดีงาม 😊😊😊😍😍😍



และนี่คือผลงานกลุ่มผู้เขียนเองค่ะ 👇👇👇

ไอเดียไปตรงกับเพื่อนผู้เข้ารับการพัฒนากลุ่มอื่น ๆ จากปาร์ตี้ริมหาด จึงย้ายไปเป็น ปาร์ตี้บนดอย กระทันหัน (ผู้เขียนออกไปนำเสนอด้วยตัวเอง ด้วยไอเดียที่บรรเจิด ไม่มีกรอบ ทำให้สร้างเสียงหัวเราะได้พอสมควรทีเดียว 555+😀😀😀😛)

Design Thinking Progress

5 ขั้นตอน

1. Empathize (Deep understanding)ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง มีความรู้สึกร่วมกับปัญหา ผ่านการดู สังเกตุ สิ่งที่เขาพูด ทำและคิด
   เพื่อให้เข้าใจปัญหาจากมุมมองของเขา
   Why Empathize? เช่น
   ทำไมต้องการการสร้างสะพาน พราะอะไร  เพราะต้องข้ามไปอีกฝั่ง
   ทำไมถึงอยากข้ามไปอีกฝั่ง  เพราะอยากข้ามไปหาแฟน
   ทำไมถึงอยากเจอหน้าแฟน  เพราะเหงา
   ในที่สุดออกมา Innovation App หาคู่
   คำถามจะเริ่มต้นด้วย What? และตามด้วย Why?
   การสัมภาษณ์ 
   - Be human = เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เช่น การประชาสัมพันธ์ข่าวดีขององค์กร วิถีชีวิตทุกคนมี facebook เข้าใจหลักการทำงานของ facebook
   - Seek Stories = หาจุดร่วม สงวนจุดต่าง ทำให้รู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกันเป็นพวกเดียวกับเขา
   - Talk about Feeling = ทำให้เขามามีส่วนร่วมกับเรา สร้างความ Royalty (มีสตอรี่)
2. Define กำหนดประเด็นปัญหา
    เพื่อใช้ในการระดมสมองหาแนวทางแก้ปัญหา ที่ตรงกับความต้องการผู้ใช้
3. Ideate
   เมื่อได้ประเด็นปัญหา คำถามแล้วคิดหาคำตอบ โดยใช้วิธี Idea + Create=Ideate หรือ การระดมสมอง Brainstorming (แตกต่างกับ Story Telling ที่มร Best Practice เป็นคนเล่า)
   
   โดยมีหลักการคือ :
   - คิดแบบไม่มีกรอบ
   - ต้องพูดทีละคน
   - เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ
   - ออกไอเดียให้กระชับ
   - ต่อยอดไอเดียกัน
   - ส่งเสริมไอเดียที่แปลกประหลาด วาดรูปก็ได้
   - อย่านอกเรื่อง
   - อย่าวิจารณ์ไอเดียคนอื่น (บรรยากาศต้อง Laugh of Loud เต็มไปด้วยเสียงหัวเรา Leader ต้องทำให้ทุกคนกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น)(วัดใจได้จาก 30วินาทีแรก ว่ามีคนฟังหรือไม่)
   
   อุปสรรคของ Ideate :- คิดว่าไอเดียเดียวก็พอ
   - ไอเดียไหนฟังแล้วไม่ชอบ ต้องรีบจำกัด
   - พูดอย่างเดียว ไม่ฟัง
   - อะไรที่พูดแล้วเราดูไม่ฉลาด เก็บไว้กับตัวดีกว่า
   - ลืมจดหรือบันทึกไอเดียไว้
   - บางไอเดียก็ลงลึกในรายละเอียดมากเกินไป
4. Prototype สร้างต้นแบบ (ทดลองทำต้นแบบให้ไว)
   คิดเร็ว ทำเร็ว นำไอเดียไปแปลงให้เป็น "ผลงาน" โดยคำนึงถึง "เวลา" และ "ค่าใช้จ่าย" ที่จำกัด ภายใต้แนวคิด ตุ๊กตาล้มลุก (ยกตัวอย่าง โทมัส เอวา เอดิสัน) เราต้องมีทักษะแห่งความเป็นตุ๊กตาล้มลุก
   
   หลักการ:
   - Fail Cheap เพื่อให้ความผิดพลาดนั้นมีราคาถูก
   - Fail Fast เพื่อให้ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นเร็วแต่เนิ่น ๆ
   - Fail Forward เพื่อให้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนในการก้าวต่อไป
   
   สร้างต้นแบบที่จับต้องได้ และมีปฏิสัมพันธ์ด้วยได้ ใช้ของ่าย ๆ ไม่ต้องใช้ได้จริงอาจไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์โดยตรงเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมได้ อาทิ
   - ฉากหรือบรรยากาศ (Scene)
   - อุปกรณ์ตัวช่วยบางอย่าง (Props / touch point)
   - บทบาทของพนักงานที่กำหนดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา (Roles)
5. Test การทดสอบ
   การทดสอบต้นแบบว่า สามารถใช้งานได้จริง แก้ปัญหาได้จริง และ ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย

The Design Thinking Process

Empathise >>Observe Multiple >>Views Ideate >>Prototype >>Test Implement


A WALLET PROJECT

เป็นกิจกรรมที่วิทยากรให้จับคู่บัดดี้ที่นั่งคู่กัน และทำกิจกรรมออกแบบกระเป๋าเงินสำหรับตนเอง และของเพื่อน ผ่านกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
รายละเอียดประมาณนี้เลยค่ะ...

Key is Meaningful and Useful

Design Thinking

ยุทธศาสตร์ "ครองคน ครองตน ครองงาน" Button Up

องค์กรที่พัฒนาอย่างยั่งยืน เก็บ Feedback และนำกลับมาพัฒนา รับฟังทุกความคิดเห็น ใจกว้าง ให้มาก
สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน สร้างความภาคภูมิใจในการทำงานของลูกน้อง ผู้บริการต้องมีความเด็ดขาด และถูกต้อง เพราะ (รู้เค้ารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง) ตัดสินใจบนข้อมูลที่สมบูรณ์ มีการจัดการกับความแน่นอน

ยุคนี้คือยุค Digital Transformation

The 5W and 1H

SWOT >>Why? >> What? >> Where? >> How? >>When? >> Who?
การทำ Benchmark (กับคนที่เจ๋งกว่าเรา)
"What is" VS "What is should be"

ทักษะผู้บริหาร "Can do attitude"  "Knowledge in Modern world" และ "21th Century Skill"

แนวคิดการบริหารจัดการองค์กรยุคสารสนเทศ

ประสิทธิภาพใหม่ (คุณภาพสูง👆/ต้นทุนต่ำ👇)
ระบบทำงาน ด้วยวิธีทันสมัย (ICT) >> บุคลากรที่มีทักษะและความรู้ >> ทีมงานที่คล่องตัว (ผสมทักษะและหน้าที่)

ความจำเป็นที่องค์กรต้องทำ KM (ยกตัวอย่างร้านสะดวกซื้อเซเว่น ฯ)
ทำคู่มือการปฏิบัติงานของแต่ละฝ่าย แต่ละคน

แต่ละองค์กรต้องมี Digital Marketing, Digital PR 

Goal ของประเทศไทย Digital Global ประเทศที่พัฒนาแล้ว ในปี 2040

สุดท้ายวิทยากรฝากแนวคิด ผู้บริหารต้องมี DQ (Digital Quotient)

วิถีแห่งองค์กรนวัตกรรม

วิทยากรทิ้งท้ายฝากเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์ให้กับนักพัฒนา และฝากเผยแพร่ในวงกว้างด้วย
👇👇👇

• https://get.plickers.com/ โปรแกรมเช็คชื่อแบบรวดเร็ว
• Minecraft ซอร์ฟแวร์ฝึกการเขียนโปรแกรม
• https://bitly.com  เครื่องมือย่อลิ้งค์ให้สั้นลง
• https://www.qrcode-monkey.com  โปรแกรมทำ QR code
• https://pubhtml5.com  Interactive e-Book เอกสารประกอบการบรรยายเป็นอีบุค
• https://creativecommons.ort  ประกาศว่างานที่ทำนำกลับไปใช้ได้ แต่เพื่อ
• https://thaimooc.ort  สกอ.เป็นเจ้าภาพ  เข้าไปเรียนได้ฟรี
• คอร์สออนไลน์เรียนฟรี 4 คอร์ส

สามารถดาวน์โหลดเอกสารของวิทยากรได้ คลิกตรงนี้เลยค่ะ ^_^

ด้วยความประทับใจ ก่อนกลับก็เลยได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับวิทยากร😉😉

//ผู้เขียนบันทึกบล็อกนี้ระหว่างเรียน เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา ผิดพลาดประการใด หรือบางเนื้อหาบางส่วนไปพาดพิงใคร ต้องขออภัยด้วยนะคะ (น้อมรับทุกความคิดเห็นค่ะ) 🙏🙏🙏